แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัฒนธรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัฒนธรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568

เทศกาลสงกรานต์

 เทศกาลสงกรานต์ เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่ไทยที่มีการเฉลิมฉลองอย่างแพร่หลายในช่วงวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี โดยมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ การสาดน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการชำระล้างสิ่งไม่ดีและนำความสดชื่นมาให้ผู้คน


ความสำคัญของเทศกาลสงกรานต์

เป็นวันปีใหม่ไทย ตามปฏิทินจันทรคติของไทยดั้งเดิม


เป็นช่วงเวลาของครอบครัว ลูกหลานเดินทางกลับบ้านเพื่อรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้ใหญ่


เป็นโอกาสทำบุญ ชาวพุทธนิยมไปวัด ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล


เป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนาน มีกิจกรรมรื่นเริง เช่น การเล่นน้ำ ขบวนแห่ การละเล่นพื้นบ้าน


กิจกรรมสำคัญในวันสงกรานต์

การสรงน้ำพระ – เป็นการรดน้ำพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล

รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ – แสดงความเคารพและขอพรเพื่อชีวิตที่ดี

การเล่นน้ำสงกรานต์ – ประเพณีที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ

ขบวนแห่และการละเล่นพื้นบ้าน – เช่น ขบวนแห่นางสงกรานต์ การประกวดก่อพระเจดีย์ทราย

ทำบุญและปล่อยนกปล่อยปลา – เพื่อเสริมสร้างบุญกุศล


สงกรานต์ในต่างประเทศ

เทศกาลสงกรานต์ไม่ได้มีเฉพาะในไทย แต่ยังมีในหลายประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมไทย เช่น


ลาว (ปีใหม่ลาว)


กัมพูชา (วันปีใหม่เขมร)


เมียนมา (ติ่งยาน)


ศรีลังกา (ปีใหม่ทมิฬ-สิงหล)


สงกรานต์ยุคใหม่

ในปัจจุบัน สงกรานต์มีการผสมผสานความเป็น ไทยดั้งเดิม และ สมัยใหม่ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ หรือ ถนนคูเมือง ถนนในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการจัดงานเล่นน้ำขนาดใหญ่


คำแนะนำสำหรับการเล่นน้ำสงกรานต์

แต่งกายให้สุภาพ

ใช้น้ำสะอาด ไม่ปะแป้งหรือสีที่เป็นอันตราย

เล่นน้ำอย่างสุภาพ เคารพสิทธิ์ของผู้อื่น

ขับขี่ปลอดภัย ไม่ดื่มแล้วขับ


สงกรานต์เป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยความสุขและวัฒนธรรมที่งดงามของไทย 🌸💦 คุณมีแผนไปเที่ยวไหนในสงกรานต์นี้ไหม? 😄




ความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์ และปีจุลศักราช



ความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ไทยที่มีรากฐานมาจากคติพราหมณ์-ฮินดูและพุทธศาสนา โดยคำว่า "สงกรานต์" (สํ-กรานฺต, Sankranti) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า "การเคลื่อนย้าย" หมายถึงการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามคติของชาวอินเดียโบราณ


ต้นกำเนิดของสงกรานต์


มีรากฐานจาก เทศกาลมกรสังกรานติ (Makar Sankranti) ของอินเดีย ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นสิริมงคล


แพร่เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านวัฒนธรรมขอม จนกลายเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยโบราณ


ก่อนที่จะใช้ปฏิทินเกรกอเรียน (เช่นปัจจุบัน) คนไทยเคยถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่ไทย จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ในปี พ.ศ. 2484


สงกรานต์กับจุลศักราช

จุลศักราช (Chula Sakarat - จ.ศ.) เป็นระบบศักราชที่ใช้ในไทย พม่า ลาว และกัมพูชา เริ่มต้นในปี 1182 ของพุทธศักราช (หรือ ค.ศ. 638) และมีบทบาทสำคัญต่อการนับวันสงกรานต์ในอดีต


🔹 จุลศักราชเกี่ยวข้องกับสงกรานต์อย่างไร?

เป็นระบบศักราชที่ใช้กำหนดวันสงกรานต์


ในอดีต สงกรานต์ไม่ได้กำหนดเป็นวันที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับการคำนวณทางโหราศาสตร์ โดยกำหนดจากการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์


เมื่อเปลี่ยนผ่านแต่ละปี จุลศักราชจะเพิ่มขึ้น 1 ปี เช่น


สงกรานต์ปี พ.ศ. 2568 จะตรงกับ จ.ศ. 1387


ใช้ในประกาศสงกรานต์โบราณ


ทุกปี จะมีการประกาศ "นางสงกรานต์" ซึ่งเป็นเทพธิดาประจำปีสงกรานต์ตามจุลศักราช


นางสงกรานต์แต่ละองค์มีลักษณะต่างกัน ขึ้นอยู่กับวันแรกของสงกรานต์ปีนั้นๆ


🔸 การเลิกใช้จุลศักราชในปฏิทินไทย

ในอดีต ราชการไทยใช้ จุลศักราช ในการนับปีควบคู่กับพุทธศักราช


แต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการยกเลิกจุลศักราชในการใช้ราชการ และใช้พุทธศักราชเป็นหลักแทน


สรุป

สงกรานต์เป็นเทศกาลที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมอินเดียและขอม และมีความเชื่อมโยงกับ จุลศักราช ในการกำหนดวันขึ้นปีใหม่แบบดั้งเดิมของไทย ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชและปฏิทินเกรกอเรียนตามลำดับ









คุณพูดว่า:

เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับวันมหาสงกรานต์และวันเนา เข้าไปด้วย



ChatGPT พูดว่า:

ความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ไทยที่มีรากฐานมาจากคติพราหมณ์-ฮินดูและพุทธศาสนา โดยคำว่า "สงกรานต์" (สํ-กรานฺต, Sankranti) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า "การเคลื่อนย้าย" หมายถึงการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามคติของชาวอินเดียโบราณ


ต้นกำเนิดของสงกรานต์


มีรากฐานจาก เทศกาลมกรสังกรานติ (Makar Sankranti) ของอินเดีย ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นสิริมงคล


แพร่เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านวัฒนธรรมขอม จนกลายเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยโบราณ


ก่อนที่จะใช้ปฏิทินเกรกอเรียน (เช่นปัจจุบัน) คนไทยเคยถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่ไทย จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ในปี พ.ศ. 2484


🌞 วันสำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์

เทศกาลสงกรานต์มี 3 วันสำคัญ ได้แก่ วันมหาสงกรานต์, วันเนา และวันเถลิงศก


1. วันมหาสงกรานต์ (13 เมษายน) – วันเปลี่ยนศักราชใหม่

📌 ความหมาย:


เป็นวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ตามคติพราหมณ์


ในอดีต วันมหาสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนผ่านของปีจุลศักราช


📌 กิจกรรมสำคัญ:

✅ การทำบุญตักบาตรที่วัด เพื่อความเป็นสิริมงคล

✅ การสรงน้ำพระ รดน้ำพระพุทธรูป

✅ พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ


2. วันเนา (14 เมษายน) – วันเตรียมตัวเข้าสู่ปีใหม่

📌 ความหมาย:


เป็นวันที่อยู่ระหว่างวันมหาสงกรานต์และวันเถลิงศก


ตามคติไทยโบราณ ถือเป็นวันที่ไม่ควรทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะจะส่งผลไปตลอดปี


มีการถือเคล็ด "ไม่ทะเลาะวิวาท" และ "ไม่ด่าทอผู้อื่น"


📌 กิจกรรมสำคัญ:

✅ กวาดบ้านเรือนให้สะอาด ถือเป็นการชำระสิ่งไม่ดีออกไป

✅ พักผ่อน ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่โกรธหรือทะเลาะกับใคร

✅ การละเล่นพื้นบ้าน เช่น การก่อพระเจดีย์ทราย


3. วันเถลิงศก (15 เมษายน) – วันขึ้นปีใหม่ไทย

📌 ความหมาย:


เป็นวันที่เริ่มต้นปีใหม่ไทยอย่างเป็นทางการ


เป็นวันแรกของจุลศักราชใหม่ (ตามปฏิทินไทยโบราณ)


📌 กิจกรรมสำคัญ:

✅ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล

✅ ปล่อยนกปล่อยปลา ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์

✅ เล่นน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนาน


สงกรานต์กับจุลศักราช

จุลศักราช (Chula Sakarat - จ.ศ.) เป็นระบบศักราชที่ใช้ในไทย พม่า ลาว และกัมพูชา เริ่มต้นในปี 1182 ของพุทธศักราช (หรือ ค.ศ. 638) และมีบทบาทสำคัญต่อการนับวันสงกรานต์ในอดีต


🔹 จุลศักราชเกี่ยวข้องกับสงกรานต์อย่างไร?

เป็นระบบศักราชที่ใช้กำหนดวันสงกรานต์


ในอดีต สงกรานต์ไม่ได้กำหนดเป็นวันที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับการคำนวณทางโหราศาสตร์ โดยกำหนดจากการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์


เมื่อเปลี่ยนผ่านแต่ละปี จุลศักราชจะเพิ่มขึ้น 1 ปี เช่น


สงกรานต์ปี พ.ศ. 2568 จะตรงกับ จ.ศ. 1387


ใช้ในประกาศสงกรานต์โบราณ


ทุกปี จะมีการประกาศ "นางสงกรานต์" ซึ่งเป็นเทพธิดาประจำปีสงกรานต์ตามจุลศักราช


นางสงกรานต์แต่ละองค์มีลักษณะต่างกัน ขึ้นอยู่กับวันแรกของสงกรานต์ปีนั้นๆ


🔸 การเลิกใช้จุลศักราชในปฏิทินไทย

ในอดีต ราชการไทยใช้ จุลศักราช ในการนับปีควบคู่กับพุทธศักราช


แต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการยกเลิกจุลศักราชในการใช้ราชการ และใช้พุทธศักราชเป็นหลักแทน


📌 สรุป

สงกรานต์เป็นเทศกาลที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมอินเดียและขอม และมีความเชื่อมโยงกับ จุลศักราช ในการกำหนดวันขึ้นปีใหม่แบบดั้งเดิมของไทย ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชและปฏิทินเกรกอเรียนตามลำดับ

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

ภาพบรรยากาศการทำบุญประเพณี 12 เป็ง

ภาพบรรยากาศการทำบุญประเพณี 12 เป็ง




12  เป็ง  หรือขึ้น 15  ค่ำเดือน 12  หนเหนือ

ในแบบของชาวบ้านในเขตตำบลสันทรายมหาวงศ์ และตำบลขัวมุง  อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ บางส่วนที่มีลักษณะของประเพณีท้องถิ่นที่เหมือนกัน  ได้แก่  วัดต้นผึ้ง  วัดศรีดอนชัย  วัดป่าสา  วัดหัวดง 
ซึ่งนิยมเรียกลักษณะของสิ่งของที่ประกอบพิธีกรรมว่า
สลากน้อยหรือสลากหน้อย 
ก๋วยสังน้อยหรือก๋วยสังหน้อย
บ้างก็เรียกว่า  สลากเทวดา


ซึ่งกล่าวโดยรวมแล้วคือการทำบุญ ในประเพณี  12  เป็ง เป็นช่วงปล่อยผีตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ ให้มารับของกิ๋นของตาน (ของกิ๋นของตาน คือ ของที่ทำบุญ เช่น อุปกรณ์ เครื่องปรุง วัตถุดิบในการทำอาหาร  อาหารแห้ง  อาหารสด  อาหารปรุงสุก และผลไม้) ตามความเชื่อแบบล้านนา
ซึ่งประเพณี 12 เป็ง  ตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่บ้านต้นผึ้ง  ได้รับอิทธิพลมาจากวรรณกรรมทางพุทธศาสนา เรื่อง พระมาลัย  ที่ว่าไว้ด้วยโลกมนุษย์  สวรรค์  และนรก
ประเพณี 12  เป็งจึงเป็นความเชื่อแบบล้านนาที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลาย
ดังนั้นเว็บ newnaew.net จึงประมวลภาพบรรยากาศการทำบุญให้เด็ก ๆ นักเรียน  นักศึกษาที่สนใจเรื่องราวของการทำบุญประเพณี 12  เป็ง ในแบบของชาวสันทรายมหาวงศ์บางส่วนที่การทำบุญกันในลักษณะนี้    ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเฉพาะของท้องถิ่นที่สืบทอดกันมายาวนานนับจนถึงปัจจุบันนี้




ภาพที่นำเสนอนี้เป็นภาพกิจกรรมการทำบุญเนื่องในงานประเพณี 12  เป็ง  บ้านต้นผึ้งเมื่อวันที่ 19  กันยายน 2556
ขอขอบคุณเจ้าอาวาสวัดต้นผึ้งและคณะศรัทธาบ้านต้นผึ้งที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายภาพ

ผู้จัดทำ
ทีมงาน newnaew
วันที่

19  กันยายน 2556

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

หัตถกรรมพื้นบ้านล้านนา:ขันโตกหวาย

ขันโตกหวาย หัตถกรรมพื้นบ้านล้านนา




ขันโตกเป็นพาชนะใส่สำรับอาหารของคนเมืองหรือคนล้านนา  ซึ่งขันโตกก็เหมือนกับโต๊ะสำหรับนั่งล้อมวงกินข้าวกันในครอบครัวหรือต้อนรับแขกผู้มาเยือนซึ่งเป็นวัฒนธรรมของไทยแต่โบราณ  ซึ่งขันโตกเป็นคำเรียกเฉพาะของคนเหนือ
มักจะเห็นกันโดยทั่วไปในร้านอาหารหรือแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมภาคเหนือนิยมนำมาจัดสำรับอาหารต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยอาหารใส่ขันโตก ประกอบไปด้วยน้ำพริกหนุ่ม  แคบหมู  ลาบเลือดแบบเหนือ  ลาบคั่ว แกงฮ่อม  แกงฮังแล  จอผักกาด  น้ำพริกฮ่อง  เป็นต้น  ขันโตกที่นิยมใช้จะมีอยู่ 2  ลักษณะคือ  แบบที่ทำจากไม้และแบบที่สานจากหวาย  ตามรูปที่เห็นคือขันโตกหวาย

ปัจจุบันเป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ เพราะงานหัตถกรรมจักรสานนับวันจะขาดผู้สืบทอดไปเรื่อย ๆ  หวังว่าน้อง ๆ จะช่วยกันสืบสานงานหัตถกรรมพื้นบ้านให้คงอยู่ต่อไปนะครับ


ผู้เขียน 
พยัคฆ์กูรู

วันที่เขียน
11/09/2556


วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

ประเพณี ปี๋ใหม่เมือง


ประเพณี ปี๋ใหม่เมือง


ตามความเชื่อของชาวล้านนา  ถือว่าวันสงกรานต์  เป็นวันขึ้นปีใหม่  ซึ่งลำดับความสำคัญของแต่ละวัน ดังนี้
วันสังขารล่อง  ตามประเพณีของชาวล้านนาวันนี้ทุกคนจะจุดประทัดตั้งแต่หลังเที่ยงขึ้นเป็นต้นไปถือว่าได้เป็นศักราชใหม่  ทุกบ้านจะตื่นแต่เช้าทำความสะอาดบ้านเรือน  เพื่อละทิ้งสิ่งเก่าให้ผ่านไปกับวันสังขารล่อง

วันเนา  หรือวันเน่า  ทุกคนจะพูดแต่สิ่งดี ๆ ทำแต่สิ่งดี ๆ  วันนี้เป็นวันแต่งดาของชาวล้านนา  ทุกบ้านจะทำขนม ข้าวต้ม  ห่อนึ่ง ส่วนใหญ่จะนิยมทำขนมจอก หรือขนมเทียน  ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะทำไส้ขนมจากมะพร้าวขูดเคี้ยวกับน้ำตาลจนแห้งแล้วปั้นเป็นก้อนห่อด้วยแป้งแล้วห่อด้วยใบตองนึ่ง  และจัดเตรียมสิ่งของสำหรับไปวัดในวันพญาวันหรือวันมหาสงกรานต์




วันพญาวัน  เป็นวันที่ทุกคนจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่  ใส่น้ำอบน้ำหอม  จัดเตรียมสิ่งของไปทำบุญให้กับวงศาคณาญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว   ฟังเทศฟังธรรม   และช่วงสาย ๆ จะมีการขนทรายเข้าวัดจัด และนำตุงไส้หมู  ไส้ช้าง  ตุงสิบสองนักษัตรไปปักที่กองเจดีย์ทราย
หลังจากนั้นแต่ละบ้านก็จะเตรียมของไปดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคารพนับถือ  อันได้แก่ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อ  ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่  ครูบาอาจารย์ที่นับถือ  ดำหัวผีปู่ย่าประจำตระกูล  เนื่องจากชาวล้านนาส่วนใหญ่ยังคงนับถือผีบรรพบุรุษ  ดำหัวพ่อบ้าน/ผีที่รักษาหมู่บ้าน  เจ้าที่เจ้าดิน และบางบ้านที่มีครูต่าง ๆ ก็จะแต่งของดำหัวครูด้วยเครื่องเซ่นต่าง ๆ และน้ำขมิ้นส้มป่อย เพื่อเป็นสิริมงคล  
(วันพญาวัน มีข้อห้ามว่าห้ามเด็ดดอกไม้ หรือใบไม้ในวันนี้)

วันปากปี  เป็นวันที่ทุกบ้านจะเตรียมขนุนทำเป็นอาหารต่าง ๆ  เช่น  แกงขนุน  ยำขนุนอ่อน  เพื่อให้ตลอดทั้งปีมีแต่สิ่งที่ดี ๆ ช่วยหนุนนำให้ชีวิตประสบแต่ความสุขความเจริญ

ดังนั้นประเพณีปี๋ใหม่เมือง หรือประเวณีปี๋ใหม่เมืองจึงเป็นประเพณีที่สำคัญอีกหนึ่งประเพณีที่คนเหนือพึงปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนานจนถึงปัจจุบันนี้

ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู
วันที่เขียน
14/04/2556

ความเป็นมาของน้ำขมิ้นส้มป่อย


ส้มป่อย  ของดีเมืองล้านนา



สิ่งมงคลของชาวล้านนา 
ในวันขึ้นปีใหม่ไทย  ปีใหม่เมือง  หรือเทศกาลสงกรานต์
หรือพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวล้านนาส่วนใหญ่จะขาดไม่ได้คือฝักส้มป่อย  และต้องเป็นส้มป่อยเดือนห้า
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมของชาวล้านนา
เนื่องด้วยส้มป่อยเป็นสิ่งที่คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นสิ่งมงคล  ช่วยล้างความอัปมงคลต่าง ๆ
คนที่ถือคาถาอาคม หรือคนมีครู  เช่น ครูสักยันต์   ครูหมอเมือง  ครูต่าง ๆ  หากผิดครูจะต้องทำพิธีขอขมาครูด้วยน้ำขมิ้นส้มป่อย
ซึ่งปรากฎหลักฐานตามความเชื่อจากนิทานจากพรหมจักร ชาดก ชาดกล้านนาเรื่อง "อุสสาบารส" และวรรณกรรมชาดกเรื่อง "ปุณณนาคกุมาร"
ซึ่งส่วนประกอบของน้ำขมิ้นส้มป่อย ประกอบไปด้วย   ฝักส้มป่อยเดือนห้า ดอกคำฝอย   ดอกสารภี   น้ำขมิ้น   น้ำอบน้ำหอม

ดังนั้นในพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ ของชาวล้านนาจะขาดไม่ได้  คือ  น้ำขมิ้นส้มป่อย ร่วมในพิธี  แม้กระทั่งปีใหม่เมืองน้ำขมิ้นส้มป่อยก็ขาดไม่ได้เช่นกัน  เนื่องจากใช้เป็นน้ำหยาดสำหรับกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล  พระภิกษุสงฆ์ใช้สำหรับพรมน้ำมนต์  ชาวบ้านใช้สำหรับรดน้ำพระพุทธรูป  พระบรมธาตุ  พระธาตุ   สิ่งศักดิ์ต่าง ๆ และใช้ในการรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่  ผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อขมา และขอพรตามความประสงค์

ส้มป่อยจึงผูกพันกับความเชื่อของชาวล้านนามาทุกยุคทุกสมัยไม่มีเสื่อมคลาย


ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู
วันที่เขียน
14/04/2556

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ผีบรรพบุรุษในสังคมล้านนา

ผีบรรพบุรุษในสังคมล้านนา

'''ผีบรรพบุรุษในสังคมล้านนามีหลายประเภท''' เช่น ผีมด ผีเม็ง ผีปู่ย่า ผีปู่แสะย่าแสะ ผีอารักษ์

สังคมล้านนาเป็นสังคมที่มีความผูกพันกันของคนภายในชุมชนอย่างแน่นแฟ้น มีทัศนคติความเชื่อเกี่ยวกับผี ซึ่งคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แต่มีการผูกโยงความเชื่อเรื่องผีกับศาสนาเข้ามาเกี่ยวโยงกัน เช่น วัด มีผีชั้นสูงเป็นผีดี เช่น เจ้าที่ เจ้าวัดเจ้าวา เสือวัด เสือวา เป็นเทพารักษ์ที่ค่อยปกปักรักษาสถานที่ รวมไปถึงสถานที่ตั้งของชุมชน มีผีค่อยรักษาเช่นกัน คือ ผีเจ้าบ้าน ผีป้อบ้าน (พ่อบ้าน)

สำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเครือญาติ มีผีค่อยคุ้มครองรักษา เช่นกัน คือ ผีปู่ย่า เป็นบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วหลายร้อยหลายพันปีตามความเชื่อของสายตระกูลต่าง ๆ ทุก ๆ ปี ในเดือน 9 เหนือ จะมีการเลี้ยงผีบรรพบุรุษด้วยไก่ต้ม หรือหัวหมูตามประเพณีของแต่ละผี และทุก ๆ คนที่เป็นลูกผีหรือเรียกอีกอย่างว่า ลูกแป้ง ลูกเหล้า ต้องมาร่วมในพิธีกรรมด้วยการนำเอาเครื่องบูชาผีบรรพบุรุษของตนมาด้วย คือ เครื่องอาหารคาว หวาน ผลไม้ ดอกไม้มาร่วมในพิธี หากลูกผีคนใดละเลย ไม่นับถือ ผีบรรพบุรุษอาจโดนบรรดาลให้เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย

'''การเลี้ยงผี'''

การเลี้ยงตามประเพณี คือ เลี้ยงทุกปีในเดือน 9 เหนือ ส่วนใหญ่จะเป็นผีบรรพบุรุษแถบทุกตระกูล เช่น ผีมด ผีเม็ง ผีปู่ย่า ผีปู่แสะย่าแสะ ผีอารักษ์

การเลี้ยงผีเพื่อแก้ไขอาการเจ็บป่วย เช่น เกิดอาการเจ็บป่วย จึงบนบานสารกล่าวต่อผีบรรพบุรุษ เมื่อหายจากอาการเจ็บป่วยจะต้องเลี้ยงตามสัญญา หากเป็นผีเม็ง ก็จะบนโดยการฟ้อนผี เป็นต้น

'''การฟ้อนผี'''

การฟ้อนผีในสมัยโบราณส่วนใหญ่จะเป็นผีมด ผีเม็ง ซึ่งเป็นผีฟ้อน และมีความแตกต่างกันไป เช่น

ผีมด มีเครื่องประกอบพิธีแตกต่างกันจากผีเม็ง ไม่มีการห้อยผ้า

ผีเม็ง เครื่องประกอบพิธีที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการฟ้อนผีเม็ง จะมีผ้าห้อยให้ผีได้ใช้ประกอบพิธีการเข้าทรง เป็นต้น