วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

ประเพณี ปี๋ใหม่เมือง


ประเพณี ปี๋ใหม่เมือง


ตามความเชื่อของชาวล้านนา  ถือว่าวันสงกรานต์  เป็นวันขึ้นปีใหม่  ซึ่งลำดับความสำคัญของแต่ละวัน ดังนี้
วันสังขารล่อง  ตามประเพณีของชาวล้านนาวันนี้ทุกคนจะจุดประทัดตั้งแต่หลังเที่ยงขึ้นเป็นต้นไปถือว่าได้เป็นศักราชใหม่  ทุกบ้านจะตื่นแต่เช้าทำความสะอาดบ้านเรือน  เพื่อละทิ้งสิ่งเก่าให้ผ่านไปกับวันสังขารล่อง

วันเนา  หรือวันเน่า  ทุกคนจะพูดแต่สิ่งดี ๆ ทำแต่สิ่งดี ๆ  วันนี้เป็นวันแต่งดาของชาวล้านนา  ทุกบ้านจะทำขนม ข้าวต้ม  ห่อนึ่ง ส่วนใหญ่จะนิยมทำขนมจอก หรือขนมเทียน  ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะทำไส้ขนมจากมะพร้าวขูดเคี้ยวกับน้ำตาลจนแห้งแล้วปั้นเป็นก้อนห่อด้วยแป้งแล้วห่อด้วยใบตองนึ่ง  และจัดเตรียมสิ่งของสำหรับไปวัดในวันพญาวันหรือวันมหาสงกรานต์




วันพญาวัน  เป็นวันที่ทุกคนจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่  ใส่น้ำอบน้ำหอม  จัดเตรียมสิ่งของไปทำบุญให้กับวงศาคณาญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว   ฟังเทศฟังธรรม   และช่วงสาย ๆ จะมีการขนทรายเข้าวัดจัด และนำตุงไส้หมู  ไส้ช้าง  ตุงสิบสองนักษัตรไปปักที่กองเจดีย์ทราย
หลังจากนั้นแต่ละบ้านก็จะเตรียมของไปดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคารพนับถือ  อันได้แก่ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อ  ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่  ครูบาอาจารย์ที่นับถือ  ดำหัวผีปู่ย่าประจำตระกูล  เนื่องจากชาวล้านนาส่วนใหญ่ยังคงนับถือผีบรรพบุรุษ  ดำหัวพ่อบ้าน/ผีที่รักษาหมู่บ้าน  เจ้าที่เจ้าดิน และบางบ้านที่มีครูต่าง ๆ ก็จะแต่งของดำหัวครูด้วยเครื่องเซ่นต่าง ๆ และน้ำขมิ้นส้มป่อย เพื่อเป็นสิริมงคล  
(วันพญาวัน มีข้อห้ามว่าห้ามเด็ดดอกไม้ หรือใบไม้ในวันนี้)

วันปากปี  เป็นวันที่ทุกบ้านจะเตรียมขนุนทำเป็นอาหารต่าง ๆ  เช่น  แกงขนุน  ยำขนุนอ่อน  เพื่อให้ตลอดทั้งปีมีแต่สิ่งที่ดี ๆ ช่วยหนุนนำให้ชีวิตประสบแต่ความสุขความเจริญ

ดังนั้นประเพณีปี๋ใหม่เมือง หรือประเวณีปี๋ใหม่เมืองจึงเป็นประเพณีที่สำคัญอีกหนึ่งประเพณีที่คนเหนือพึงปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนานจนถึงปัจจุบันนี้

ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู
วันที่เขียน
14/04/2556

ความเป็นมาของน้ำขมิ้นส้มป่อย


ส้มป่อย  ของดีเมืองล้านนา



สิ่งมงคลของชาวล้านนา 
ในวันขึ้นปีใหม่ไทย  ปีใหม่เมือง  หรือเทศกาลสงกรานต์
หรือพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวล้านนาส่วนใหญ่จะขาดไม่ได้คือฝักส้มป่อย  และต้องเป็นส้มป่อยเดือนห้า
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมของชาวล้านนา
เนื่องด้วยส้มป่อยเป็นสิ่งที่คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นสิ่งมงคล  ช่วยล้างความอัปมงคลต่าง ๆ
คนที่ถือคาถาอาคม หรือคนมีครู  เช่น ครูสักยันต์   ครูหมอเมือง  ครูต่าง ๆ  หากผิดครูจะต้องทำพิธีขอขมาครูด้วยน้ำขมิ้นส้มป่อย
ซึ่งปรากฎหลักฐานตามความเชื่อจากนิทานจากพรหมจักร ชาดก ชาดกล้านนาเรื่อง "อุสสาบารส" และวรรณกรรมชาดกเรื่อง "ปุณณนาคกุมาร"
ซึ่งส่วนประกอบของน้ำขมิ้นส้มป่อย ประกอบไปด้วย   ฝักส้มป่อยเดือนห้า ดอกคำฝอย   ดอกสารภี   น้ำขมิ้น   น้ำอบน้ำหอม

ดังนั้นในพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ ของชาวล้านนาจะขาดไม่ได้  คือ  น้ำขมิ้นส้มป่อย ร่วมในพิธี  แม้กระทั่งปีใหม่เมืองน้ำขมิ้นส้มป่อยก็ขาดไม่ได้เช่นกัน  เนื่องจากใช้เป็นน้ำหยาดสำหรับกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล  พระภิกษุสงฆ์ใช้สำหรับพรมน้ำมนต์  ชาวบ้านใช้สำหรับรดน้ำพระพุทธรูป  พระบรมธาตุ  พระธาตุ   สิ่งศักดิ์ต่าง ๆ และใช้ในการรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่  ผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อขมา และขอพรตามความประสงค์

ส้มป่อยจึงผูกพันกับความเชื่อของชาวล้านนามาทุกยุคทุกสมัยไม่มีเสื่อมคลาย


ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู
วันที่เขียน
14/04/2556

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วัดพระธาตุศรีจอมทอง


วัดพระธาตุศรีจอมทอง


สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่
วัดที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งทางภาคเหนือเนื่องจากคติความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระธาตุประจำปีนักษัตร ซึ่งเป็นคติความเชื่อที่สั่งสมมานาน  โดยเฉพาะคนในแถบภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย  มีคติความเชื่อในเรื่องนี้อย่างเหนียวแน่น เชื่อกันว่าในครั้งหนึ่งของชีวิตการได้บูชาพระธาตุปีนักษัตรของตนเองจะส่งผลให้เกิดความสุขสวัสดิ์มงคล ได้ผลของอานิสงส์ไปเกิดยังสุคติภพเมื่อหมดอายุไขจากโลกนี้ไป

พระธาตุศรีจอมทองเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีชวด หรือนักษัตรหนู  ธาตุน้ำ
ประดิษฐาน พระทักษิณโมลีธาตุ (กระดูกกระหม่อมเบื้องขวา)

พระธาตุศรีจอมทอง  ตั้งอยู่อำเภอจอมทอง  จังหวัดเชียงใหม่

ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู

วันที่
16/06/2555

วัดพระธาตุลำปางหลวง


วัดพระธาตุลำปางหลวง



สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลำปาง
วัดที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งทางภาคเหนือเนื่องจากคติความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระธาตุประจำปีนักษัตร ซึ่งเป็นคติความเชื่อที่สั่งสมมานาน  โดยเฉพาะคนในแถบภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย  มีคติความเชื่อในเรื่องนี้อย่างเหนียวแน่น เชื่อกันว่าในครั้งหนึ่งของชีวิตการได้บูชาพระธาตุปีนักษัตรของตนเองจะส่งผลให้เกิดความสุขสวัสดิ์มงคล ได้ผลของอานิสงส์ไปเกิดยังสุคติภพเมื่อหมดอายุไขจากโลกนี้ไป

พระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีฉลู หรือนักษัตรวัว  ธาตุดิน
ประดิษฐาน พระเกศธาตุ คือ พระธาตุส่วนพระนาฏ (หน้าผาก)  และพระศอ (ลำคอ)

พระธาตุลำปางหลวง  ตั้งอยู่อำเภอเกาะคา  จังหวัดลำปาง

ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู
วันที่
16/06/2555

วัดเจดีย์หลวง


วัดเจดีย์หลวง



สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่
วัดที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งทางภาคเหนือ
คือวัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ 7  แห่งราชวงศ์เม็งราย  ผู้ครองอาณาจักรล้านนา
 เดิมวัดเจดีย์หลวง มีชื่อ โชติการามวิหาร แปลว่า พระอารามที่มีแต่ความรุ่งเรืองสว่างไสว เนื่องจากเป็นสถานที่บรรจุพระเกศาธาตุ
ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานเสาอินทขิล  จึงมีประเพณีใส่ขันดอกทุกปีเพื่อบูชาเสาอินทขิล


สถานที่ตั้งวัดเจดีย์หลวง
ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู

วันที่
16/06/2555

วัดเจ็ดยอด


วัดเจ็ดยอด



สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่
วัดที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งทางภาคเหนือ
คือวัดเจ็ดยอด  หรือวัดโพธาราม  สถานที่ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งใหญ่ครั้งที่ 8
นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีการสังคายนาพระไตรปิฎก
สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าติโลกราช  แห่งราชวงศ์เม็งราย  อาณาจักรล้านนา
มีรูปแบบลักษณะคล้ายกับพุทธคยาที่ประเทศอินเดีย
เป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่และของประเทศไทย

สถานที่ตั้งวัดเจ็ดยอด
ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ผู้เขียน
พยัคฆ์กูรู
วันที่
16/06/2555

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ผีบรรพบุรุษในสังคมล้านนา

ผีบรรพบุรุษในสังคมล้านนา

'''ผีบรรพบุรุษในสังคมล้านนามีหลายประเภท''' เช่น ผีมด ผีเม็ง ผีปู่ย่า ผีปู่แสะย่าแสะ ผีอารักษ์

สังคมล้านนาเป็นสังคมที่มีความผูกพันกันของคนภายในชุมชนอย่างแน่นแฟ้น มีทัศนคติความเชื่อเกี่ยวกับผี ซึ่งคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แต่มีการผูกโยงความเชื่อเรื่องผีกับศาสนาเข้ามาเกี่ยวโยงกัน เช่น วัด มีผีชั้นสูงเป็นผีดี เช่น เจ้าที่ เจ้าวัดเจ้าวา เสือวัด เสือวา เป็นเทพารักษ์ที่ค่อยปกปักรักษาสถานที่ รวมไปถึงสถานที่ตั้งของชุมชน มีผีค่อยรักษาเช่นกัน คือ ผีเจ้าบ้าน ผีป้อบ้าน (พ่อบ้าน)

สำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเครือญาติ มีผีค่อยคุ้มครองรักษา เช่นกัน คือ ผีปู่ย่า เป็นบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วหลายร้อยหลายพันปีตามความเชื่อของสายตระกูลต่าง ๆ ทุก ๆ ปี ในเดือน 9 เหนือ จะมีการเลี้ยงผีบรรพบุรุษด้วยไก่ต้ม หรือหัวหมูตามประเพณีของแต่ละผี และทุก ๆ คนที่เป็นลูกผีหรือเรียกอีกอย่างว่า ลูกแป้ง ลูกเหล้า ต้องมาร่วมในพิธีกรรมด้วยการนำเอาเครื่องบูชาผีบรรพบุรุษของตนมาด้วย คือ เครื่องอาหารคาว หวาน ผลไม้ ดอกไม้มาร่วมในพิธี หากลูกผีคนใดละเลย ไม่นับถือ ผีบรรพบุรุษอาจโดนบรรดาลให้เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย

'''การเลี้ยงผี'''

การเลี้ยงตามประเพณี คือ เลี้ยงทุกปีในเดือน 9 เหนือ ส่วนใหญ่จะเป็นผีบรรพบุรุษแถบทุกตระกูล เช่น ผีมด ผีเม็ง ผีปู่ย่า ผีปู่แสะย่าแสะ ผีอารักษ์

การเลี้ยงผีเพื่อแก้ไขอาการเจ็บป่วย เช่น เกิดอาการเจ็บป่วย จึงบนบานสารกล่าวต่อผีบรรพบุรุษ เมื่อหายจากอาการเจ็บป่วยจะต้องเลี้ยงตามสัญญา หากเป็นผีเม็ง ก็จะบนโดยการฟ้อนผี เป็นต้น

'''การฟ้อนผี'''

การฟ้อนผีในสมัยโบราณส่วนใหญ่จะเป็นผีมด ผีเม็ง ซึ่งเป็นผีฟ้อน และมีความแตกต่างกันไป เช่น

ผีมด มีเครื่องประกอบพิธีแตกต่างกันจากผีเม็ง ไม่มีการห้อยผ้า

ผีเม็ง เครื่องประกอบพิธีที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการฟ้อนผีเม็ง จะมีผ้าห้อยให้ผีได้ใช้ประกอบพิธีการเข้าทรง เป็นต้น