วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568

หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ (Thích Nhất Hạnh)

 หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ (Thích Nhất Hạnh) เป็นพระภิกษุชาวเวียดนามที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการเผยแผ่พุทธศาสนาแบบสันติวิธีและการปฏิบัติสมาธิแบบมีสติ (Mindfulness) ท่านเกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2469 ในจังหวัดกว๋างนาม ประเทศเวียดนาม และมรณภาพเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2565 ที่วัดตื่อเฮี้ยว จังหวัดเถื่อเทียน เวียดนาม


ผลงานและแนวคิดสำคัญ:

  1. สติ (Mindfulness)
    หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ นำการปฏิบัติสมาธิแบบมีสติมาเผยแพร่ในตะวันตกอย่างกว้างขวาง โดยเน้นการอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างลึกซึ้ง ท่านเรียกว่า "การเดินอย่างมีสติ" (Walking Meditation) และ "การหายใจอย่างมีสติ"

  2. พุทธศาสนาสากล
    ท่านก่อตั้งหมู่บ้านพลัม (Plum Village) ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เปิดให้คนทั่วโลกได้เรียนรู้พุทธศาสนาแบบไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือศาสนา

  3. สันติวิธีและสิทธิมนุษยชน
    หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ เป็นนักกิจกรรมเพื่อสันติภาพ โดยเฉพาะในช่วงสงครามเวียดนาม ท่านทำงานใกล้ชิดกับมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

  4. ผลงานหนังสือ
    ท่านเขียนหนังสือมากกว่า 100 เล่ม ที่โดดเด่น เช่น "ความสงบในทุกขั้นตอน" (Peace Is Every Step)"มหัศจรรย์แห่งการตื่นอยู่" (The Miracle of Mindfulness)

คำสอนสำคัญ:

  • "เรามีความสุขได้ในปัจจุบันขณะ ไม่ต้องรอให้ถึงอนาคต"

  • "ความรักที่แท้จริงคือการเข้าใจ"

  • "เดินอย่างมีสติ คือการเดินบนโลกด้วยความตื่นรู้"


วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568

ประวัติศาสตร์โลกคือการศึกษาพัฒนาการของมนุษย์และอารยธรรม

 ประวัติศาสตร์โลกคือการศึกษาพัฒนาการของมนุษย์และอารยธรรมตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์สำคัญ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมทั่วทุกมุมโลก โดยสามารถแบ่งออกเป็นยุคใหญ่ๆ ดังนี้:

1. ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (ก่อนการประดิษฐ์การเขียน)

  • ยุคหิน: มนุษย์ใช้เครื่องมือหิน ล่าสัตว์ เก็บของป่า

    • ยุคหินเก่า (Paleolithic): ชีวิตเร่ร่อน

    • ยุคหินใหม่ (Neolithic): เริ่มเกษตรกรรม (ปฏิวัติยุคหินใหม่)

  • ยุคโลหะ: การใช้ทองแดง สำริด และเหล็ก ส่งผลให้เกิดสังคมซับซ้อนขึ้น

2. ยุคโบราณ (ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 476)

  • อารยธรรมลุ่มแม่น้ำ:

    • เมโสโปเตเมีย (สุเมเรียน, บาบิโลน)

    • อียิปต์โบราณ (พีระมิด, ระบบเขียน)

    • อินเดียโบราณ (อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ)

    • จีน (ราชวงศ์เซี่ย, ชาง)

  • กรีก-โรมัน:

    • กรีก: ประชาธิปไตย Athenian, ปรัชญา, ศิลปะ

    • โรมัน: สาธารณรัฐ → จักรวรรดิ (ล่มสลายใน ค.ศ. 476)

3. ยุคกลาง (ค.ศ. 5th–15th ศตวรรษ)

  • ยุโรป: ระบบศักดินา, อำนาจคริสตจักร, สงครามครูเสด

  • โลกอิสลาม: รุ่งเรืองทางวิทยาศาสตร์ (ยุคทองอิสลาม 8th–14th ศตวรรษ)

  • เอเชีย:

    • จีน: ราชวงศ์ถัง, ซ่ง

    • ญี่ปุ่น: ยุคเฮอัน, ซามูไร

    • อาณาจักรเขมร (นครวัด)

4. ยุคสมัยใหม่ตอนต้น (ค.ศ. 15th–18th ศตวรรษ)

  • การฟื้นฟูศิลปวิทยา (เรเนซองส์): ยุโรปกลับสู่ความสนใจศิลปะและวิทยาศาสตร์

  • การปฏิรูปศาสนา: มาร์ติน ลูเธอร์ ท้าทายอำนาจคริสตจักรคาทอลิก

  • การสำรวจทางทะเล: โคลัมบัส, วาสโก ดา กามา, การล่าอาณานิคม

  • การปฏิวัติวิทยาศาสตร์: กาลิเลโอ, นิวตัน

5. ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและจักรวรรดินิยม (ค.ศ. 18th–20th ศตวรรษ)

  • ปฏิวัติอุตสาหกรรม: เริ่มในอังกฤษ (เครื่องจักรไอน้ำ, การผลิตจำนวนมาก)

  • ปฏิวัติอเมริกา-ฝรั่งเศส: ความคิดประชาธิปไตย, สิทธิพลเมือง

  • จักรวรรดินิยม: ยุโรปขยายอำนาจในแอฟริกาและเอเชีย

6. ศตวรรษที่ 20–21

  • สงครามโลก:

    • สงครามโลกครั้งที่ 1 (1914–1918)

    • สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939–1945) → สงครามเย็น (สหรัฐ vs. สหภาพโซเวียต)

  • โลกสมัยใหม่:

    • การล่มสลายของสหภาพโซเวียต (1991)

    • โลกาภิวัตน์, เทคโนโลยีดิจิทัล

แนวโน้มสำคัญในประวัติศาสตร์โลก

  • การพัฒนาจากสังคมเล็กๆ สู่รัฐชาติ

  • การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม (เส้นทางสายไหม, การค้าโลก)

  • ความขัดแย้งและความร่วมมือระหว่างอารยธรรม

  • ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์

เทศกาลสงกรานต์

 เทศกาลสงกรานต์ เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่ไทยที่มีการเฉลิมฉลองอย่างแพร่หลายในช่วงวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี โดยมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ การสาดน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการชำระล้างสิ่งไม่ดีและนำความสดชื่นมาให้ผู้คน


ความสำคัญของเทศกาลสงกรานต์

เป็นวันปีใหม่ไทย ตามปฏิทินจันทรคติของไทยดั้งเดิม


เป็นช่วงเวลาของครอบครัว ลูกหลานเดินทางกลับบ้านเพื่อรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้ใหญ่


เป็นโอกาสทำบุญ ชาวพุทธนิยมไปวัด ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล


เป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนาน มีกิจกรรมรื่นเริง เช่น การเล่นน้ำ ขบวนแห่ การละเล่นพื้นบ้าน


กิจกรรมสำคัญในวันสงกรานต์

การสรงน้ำพระ – เป็นการรดน้ำพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล

รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ – แสดงความเคารพและขอพรเพื่อชีวิตที่ดี

การเล่นน้ำสงกรานต์ – ประเพณีที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ

ขบวนแห่และการละเล่นพื้นบ้าน – เช่น ขบวนแห่นางสงกรานต์ การประกวดก่อพระเจดีย์ทราย

ทำบุญและปล่อยนกปล่อยปลา – เพื่อเสริมสร้างบุญกุศล


สงกรานต์ในต่างประเทศ

เทศกาลสงกรานต์ไม่ได้มีเฉพาะในไทย แต่ยังมีในหลายประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมไทย เช่น


ลาว (ปีใหม่ลาว)


กัมพูชา (วันปีใหม่เขมร)


เมียนมา (ติ่งยาน)


ศรีลังกา (ปีใหม่ทมิฬ-สิงหล)


สงกรานต์ยุคใหม่

ในปัจจุบัน สงกรานต์มีการผสมผสานความเป็น ไทยดั้งเดิม และ สมัยใหม่ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ หรือ ถนนคูเมือง ถนนในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการจัดงานเล่นน้ำขนาดใหญ่


คำแนะนำสำหรับการเล่นน้ำสงกรานต์

แต่งกายให้สุภาพ

ใช้น้ำสะอาด ไม่ปะแป้งหรือสีที่เป็นอันตราย

เล่นน้ำอย่างสุภาพ เคารพสิทธิ์ของผู้อื่น

ขับขี่ปลอดภัย ไม่ดื่มแล้วขับ


สงกรานต์เป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยความสุขและวัฒนธรรมที่งดงามของไทย 🌸💦 คุณมีแผนไปเที่ยวไหนในสงกรานต์นี้ไหม? 😄




ความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์ และปีจุลศักราช



ความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ไทยที่มีรากฐานมาจากคติพราหมณ์-ฮินดูและพุทธศาสนา โดยคำว่า "สงกรานต์" (สํ-กรานฺต, Sankranti) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า "การเคลื่อนย้าย" หมายถึงการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามคติของชาวอินเดียโบราณ


ต้นกำเนิดของสงกรานต์


มีรากฐานจาก เทศกาลมกรสังกรานติ (Makar Sankranti) ของอินเดีย ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นสิริมงคล


แพร่เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านวัฒนธรรมขอม จนกลายเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยโบราณ


ก่อนที่จะใช้ปฏิทินเกรกอเรียน (เช่นปัจจุบัน) คนไทยเคยถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่ไทย จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ในปี พ.ศ. 2484


สงกรานต์กับจุลศักราช

จุลศักราช (Chula Sakarat - จ.ศ.) เป็นระบบศักราชที่ใช้ในไทย พม่า ลาว และกัมพูชา เริ่มต้นในปี 1182 ของพุทธศักราช (หรือ ค.ศ. 638) และมีบทบาทสำคัญต่อการนับวันสงกรานต์ในอดีต


🔹 จุลศักราชเกี่ยวข้องกับสงกรานต์อย่างไร?

เป็นระบบศักราชที่ใช้กำหนดวันสงกรานต์


ในอดีต สงกรานต์ไม่ได้กำหนดเป็นวันที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับการคำนวณทางโหราศาสตร์ โดยกำหนดจากการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์


เมื่อเปลี่ยนผ่านแต่ละปี จุลศักราชจะเพิ่มขึ้น 1 ปี เช่น


สงกรานต์ปี พ.ศ. 2568 จะตรงกับ จ.ศ. 1387


ใช้ในประกาศสงกรานต์โบราณ


ทุกปี จะมีการประกาศ "นางสงกรานต์" ซึ่งเป็นเทพธิดาประจำปีสงกรานต์ตามจุลศักราช


นางสงกรานต์แต่ละองค์มีลักษณะต่างกัน ขึ้นอยู่กับวันแรกของสงกรานต์ปีนั้นๆ


🔸 การเลิกใช้จุลศักราชในปฏิทินไทย

ในอดีต ราชการไทยใช้ จุลศักราช ในการนับปีควบคู่กับพุทธศักราช


แต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการยกเลิกจุลศักราชในการใช้ราชการ และใช้พุทธศักราชเป็นหลักแทน


สรุป

สงกรานต์เป็นเทศกาลที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมอินเดียและขอม และมีความเชื่อมโยงกับ จุลศักราช ในการกำหนดวันขึ้นปีใหม่แบบดั้งเดิมของไทย ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชและปฏิทินเกรกอเรียนตามลำดับ









คุณพูดว่า:

เพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับวันมหาสงกรานต์และวันเนา เข้าไปด้วย



ChatGPT พูดว่า:

ความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์

สงกรานต์ เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ไทยที่มีรากฐานมาจากคติพราหมณ์-ฮินดูและพุทธศาสนา โดยคำว่า "สงกรานต์" (สํ-กรานฺต, Sankranti) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า "การเคลื่อนย้าย" หมายถึงการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามคติของชาวอินเดียโบราณ


ต้นกำเนิดของสงกรานต์


มีรากฐานจาก เทศกาลมกรสังกรานติ (Makar Sankranti) ของอินเดีย ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นสิริมงคล


แพร่เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านวัฒนธรรมขอม จนกลายเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยโบราณ


ก่อนที่จะใช้ปฏิทินเกรกอเรียน (เช่นปัจจุบัน) คนไทยเคยถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่ไทย จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ในปี พ.ศ. 2484


🌞 วันสำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์

เทศกาลสงกรานต์มี 3 วันสำคัญ ได้แก่ วันมหาสงกรานต์, วันเนา และวันเถลิงศก


1. วันมหาสงกรานต์ (13 เมษายน) – วันเปลี่ยนศักราชใหม่

📌 ความหมาย:


เป็นวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ตามคติพราหมณ์


ในอดีต วันมหาสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนผ่านของปีจุลศักราช


📌 กิจกรรมสำคัญ:

✅ การทำบุญตักบาตรที่วัด เพื่อความเป็นสิริมงคล

✅ การสรงน้ำพระ รดน้ำพระพุทธรูป

✅ พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ


2. วันเนา (14 เมษายน) – วันเตรียมตัวเข้าสู่ปีใหม่

📌 ความหมาย:


เป็นวันที่อยู่ระหว่างวันมหาสงกรานต์และวันเถลิงศก


ตามคติไทยโบราณ ถือเป็นวันที่ไม่ควรทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะจะส่งผลไปตลอดปี


มีการถือเคล็ด "ไม่ทะเลาะวิวาท" และ "ไม่ด่าทอผู้อื่น"


📌 กิจกรรมสำคัญ:

✅ กวาดบ้านเรือนให้สะอาด ถือเป็นการชำระสิ่งไม่ดีออกไป

✅ พักผ่อน ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่โกรธหรือทะเลาะกับใคร

✅ การละเล่นพื้นบ้าน เช่น การก่อพระเจดีย์ทราย


3. วันเถลิงศก (15 เมษายน) – วันขึ้นปีใหม่ไทย

📌 ความหมาย:


เป็นวันที่เริ่มต้นปีใหม่ไทยอย่างเป็นทางการ


เป็นวันแรกของจุลศักราชใหม่ (ตามปฏิทินไทยโบราณ)


📌 กิจกรรมสำคัญ:

✅ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล

✅ ปล่อยนกปล่อยปลา ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์

✅ เล่นน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนาน


สงกรานต์กับจุลศักราช

จุลศักราช (Chula Sakarat - จ.ศ.) เป็นระบบศักราชที่ใช้ในไทย พม่า ลาว และกัมพูชา เริ่มต้นในปี 1182 ของพุทธศักราช (หรือ ค.ศ. 638) และมีบทบาทสำคัญต่อการนับวันสงกรานต์ในอดีต


🔹 จุลศักราชเกี่ยวข้องกับสงกรานต์อย่างไร?

เป็นระบบศักราชที่ใช้กำหนดวันสงกรานต์


ในอดีต สงกรานต์ไม่ได้กำหนดเป็นวันที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับการคำนวณทางโหราศาสตร์ โดยกำหนดจากการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์


เมื่อเปลี่ยนผ่านแต่ละปี จุลศักราชจะเพิ่มขึ้น 1 ปี เช่น


สงกรานต์ปี พ.ศ. 2568 จะตรงกับ จ.ศ. 1387


ใช้ในประกาศสงกรานต์โบราณ


ทุกปี จะมีการประกาศ "นางสงกรานต์" ซึ่งเป็นเทพธิดาประจำปีสงกรานต์ตามจุลศักราช


นางสงกรานต์แต่ละองค์มีลักษณะต่างกัน ขึ้นอยู่กับวันแรกของสงกรานต์ปีนั้นๆ


🔸 การเลิกใช้จุลศักราชในปฏิทินไทย

ในอดีต ราชการไทยใช้ จุลศักราช ในการนับปีควบคู่กับพุทธศักราช


แต่ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการยกเลิกจุลศักราชในการใช้ราชการ และใช้พุทธศักราชเป็นหลักแทน


📌 สรุป

สงกรานต์เป็นเทศกาลที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมอินเดียและขอม และมีความเชื่อมโยงกับ จุลศักราช ในการกำหนดวันขึ้นปีใหม่แบบดั้งเดิมของไทย ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้พุทธศักราชและปฏิทินเกรกอเรียนตามลำดับ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ห้องเรียนรู้ “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัด ภูเก็ต” ตอนที่ 2

ห้องเรียนรู้  “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต  อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัด ภูเก็ต”  ตอนที่ 2

 ณ  วันที่   30  ตุลาคม  พ.ศ. 2556
ประมวลภาพการท่องเที่ยว เรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำภูเก็ต ( Phuket Aquarium ) สถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด  เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ  มีความรู้เกี่ยวสัตว์น้ำและระบบสภาพแวดล้อมของทะเลไทยให้เด็ก ๆ และผู้สนใจได้เข้าไปเรียนรู้มากมาย














สำหรับคุณครูหรือผู้ปกครองที่ไปเที่ยวภูเก็ตอย่างลืมพาเด็กๆ ไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำภูเก็ต ( Phuket Aquarium )    เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ  
ช่วยให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้และสนุกสนานในการดูพันธุ์สัตว์น้ำ
เป็นอีกสถานที่ที่เด็ก ๆ ชอบมาก

อัตราค่าเข้าชม
คนไทย   
เด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 108 เซนติเมตร  และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าชมฟรี
เด็ก 20 บาท
ผู้ใหญ่ 50 บาท
ต่างชาติ  
เด็ก 50  บาท
ผู้ใหญ่ 100 บาท






วันที่โพส
14/11/2556

เรียบเรียง 
ทีมงานนิวแนว


ห้องเรียนรู้ “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัด ภูเก็ต” ตอนที่ 1



ห้องเรียนรู้  “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต  อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัด ภูเก็ต”  ตอนที่ 1

 ณ  วันที่   30  ตุลาคม  พ.ศ. 2556
อีกหนึ่งกิจกรรมดี ๆ ทีมงานนิวแนวเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต
เห็นว่าอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของภูเก็ต 
คือ   สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต 
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำภูเก็ต ( Phuket Aquarium ) เป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด  เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ  มีความรู้เกี่ยวสัตว์น้ำและระบบสภาพแวดล้อมของทะเลไทยให้เด็ก ๆ และผู้สนใจได้เข้าไปเรียนรู้มากมาย

เก็บภาพมาฝากน้อง ๆ













สำหรับคุณครูหรือผู้ปกครองที่ไปเที่ยวภูเก็ตอย่างลืมพาเด็กๆ ไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำภูเก็ต ( Phuket Aquarium )    เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ  
ช่วยให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้และสนุกสนานในการดูพันธุ์สัตว์น้ำ
เป็นอีกสถานที่ที่เด็ก ๆ ชอบมาก

ติดตามชมภาพตอนที่ 2 กันเลยครับ>>





วันที่โพส
14/11/2556

เรียบเรียง 

ทีมงานนิวแนว 

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

ภาพบรรยากาศการทำบุญประเพณี 12 เป็ง

ภาพบรรยากาศการทำบุญประเพณี 12 เป็ง




12  เป็ง  หรือขึ้น 15  ค่ำเดือน 12  หนเหนือ

ในแบบของชาวบ้านในเขตตำบลสันทรายมหาวงศ์ และตำบลขัวมุง  อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ บางส่วนที่มีลักษณะของประเพณีท้องถิ่นที่เหมือนกัน  ได้แก่  วัดต้นผึ้ง  วัดศรีดอนชัย  วัดป่าสา  วัดหัวดง 
ซึ่งนิยมเรียกลักษณะของสิ่งของที่ประกอบพิธีกรรมว่า
สลากน้อยหรือสลากหน้อย 
ก๋วยสังน้อยหรือก๋วยสังหน้อย
บ้างก็เรียกว่า  สลากเทวดา


ซึ่งกล่าวโดยรวมแล้วคือการทำบุญ ในประเพณี  12  เป็ง เป็นช่วงปล่อยผีตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ ให้มารับของกิ๋นของตาน (ของกิ๋นของตาน คือ ของที่ทำบุญ เช่น อุปกรณ์ เครื่องปรุง วัตถุดิบในการทำอาหาร  อาหารแห้ง  อาหารสด  อาหารปรุงสุก และผลไม้) ตามความเชื่อแบบล้านนา
ซึ่งประเพณี 12 เป็ง  ตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่บ้านต้นผึ้ง  ได้รับอิทธิพลมาจากวรรณกรรมทางพุทธศาสนา เรื่อง พระมาลัย  ที่ว่าไว้ด้วยโลกมนุษย์  สวรรค์  และนรก
ประเพณี 12  เป็งจึงเป็นความเชื่อแบบล้านนาที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลาย
ดังนั้นเว็บ newnaew.net จึงประมวลภาพบรรยากาศการทำบุญให้เด็ก ๆ นักเรียน  นักศึกษาที่สนใจเรื่องราวของการทำบุญประเพณี 12  เป็ง ในแบบของชาวสันทรายมหาวงศ์บางส่วนที่การทำบุญกันในลักษณะนี้    ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเฉพาะของท้องถิ่นที่สืบทอดกันมายาวนานนับจนถึงปัจจุบันนี้




ภาพที่นำเสนอนี้เป็นภาพกิจกรรมการทำบุญเนื่องในงานประเพณี 12  เป็ง  บ้านต้นผึ้งเมื่อวันที่ 19  กันยายน 2556
ขอขอบคุณเจ้าอาวาสวัดต้นผึ้งและคณะศรัทธาบ้านต้นผึ้งที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายภาพ

ผู้จัดทำ
ทีมงาน newnaew
วันที่

19  กันยายน 2556

วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

วันปล่อยผี : ประเพณีสิบสองเป็งล้านนา

12  เป็ง  หรือขึ้น 15  ค่ำเดือน 12  หนเหนือ
ตรงกับวันไหว้พระจันทร์
และเดือน 12 หนเหนือ ยังตรงกับประเพณีของคนไทยภาคกลาง ไทยภาคใต้คืองานเทศกาลสารเดือน 10
ก็ทำบุญคล้าย ๆ กับทางเหนือเราเหมือนกัน



12  เป็ง เป็นช่วงปล่อยผีต๋ายเก่าเน่าเมินมารับของกิ๋นของตาน (ของกิ๋นของตาน คือ ของที่ทำบุญ เช่น อุปกรณ์ เครื่องปรุง วัตถุดิบในการทำอาหาร  อาหารแห้ง  อาหารสด  อาหารปรุงสุก และผลไม้) ตามความเชื่อแบบล้านนา
คนเฒ่าบะเก่า (คนโบราณ) ว่าไว้  ลูกหลานคนใดบะตานหา  ผีต๋ายเก่าเน่าเมิน (ผีบรรพบุรุษ) วงศ์คณาญาติที่ล่วงลับไปแล้วในช่วง  12 เป็ง ผีจะแจ่งหัว (สาปแช่ง) เมื่อบะได้กิ๋นของกิ๋นของตานเหมือนผีตนอื่น
บางบ้านจึงนิยมตานก๋วยสลาก 
บางบ้านตานก๋วยสัง  (ตานก๋วยสัง  เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวบ้านในตำบลสันทรายมหาวงศ์ เชียงใหม่ และชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง)  นิยมตานก๋วยสัง คือ สลากหน้อย  ซึ่งก็เหมือนกับตานสลาก   แต่เรื่องครัวตาน (เครื่องสำหรับประกอบการทำบุญ) นั้นก็มากพอ ๆ กับสลาก แต่จะมีก๋วยหน้อยมากมายในการทำบุญ
เครื่องครัวตานในก๋วยสังจะประกอบไปด้วย  เมียง  บุหรี่ขี่โย  ไม้ขีดไฟ  เกลือ  พริกแห้ง  หอม  กระเทียม  ข้าวสาร  ห่อนึ่ง  ผลไม้  ขนมจ๊อก สวยดอก เป็นต้น  โดยจะนำเอาเครื่องครัวตานเหล่านี้จัดเป็นกอง ๆ ใส่ตะกร้าหรือพาชนะที่เตรียมไว้ตามจำนวนก๋วยสัง





ซึ่งช่วงเช้าตรู่อาจจะมีการตานขันข้าวหาเจ้ากรรมนายเวร  เทวบุตร  เทวดา  หรืออุทิศส่วนกุศลให้ตนเองในภายภาคหน้า
สาย ๆ จะตานก๋วยสังบนวิหารหลวง  เพื่อให้ผีบรรพบุรุษ ปู่ย่า  ตายาย  พ่อ แม่พี่ น้อง วงศ์คณาญาติ  ที่ล่วงลับไปแล้วมารับอานิสงส์การทำบุญตานอย่างทั่วถึงตามจำนวนของคนที่ล่วงลับ
นับว่าเป็นเทศกาลงานบุญใหญ่ของชาวล้านนาอีกเทศกาลที่มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตและความเชื่อของพุทธศาสนาในแบบชาวล้านนา

หวังว่าลูกหลานชาวล้านนาไทย จะยึดมั่นในประเพณีบ้านเราให้คงอยู่ตลอดไป